ไม่ว่าผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งเอง หรือญาติพี่น้องที่กำลังได้รับความทุกข์ทรมานและหมดหวัง
เพราะความห่วงใยที่ว่าหากอนุญาตให้ใช้กัญชาทางการแพทย์แล้ว อาจจะเป็นช่องทางให้มีการหลีกเลี่ยงเอาไปใช้เสพแบบยาเสพติด ซึ่งความห่วงใยประการนี้สามารถป้องกันแก้ไขได้ เพราะถ้ามีการอนุญาตก็สามารถกำหนดมาตรการควบคุมให้เข้มงวดประการใดๆ ก็ได้ ดังนั้นจึงไม่ควรเอาความกลัวและความกังวลจนเกินการ มาเป็นสิ่งขัดขวางการทดลองหรืออนุญาตให้ใช้กัญชาในทางการแพทย์
มีการเปรียบเทียบกับการใช้คีโมฉีดเข้าสู่ร่างกายเพื่อรักษาเยียวยาโรคมะเร็ง ซึ่งถึงวันนี้ไม่มีใครรับประกันได้ว่า สามารถรักษาโรคมะเร็งให้หายขาด และยังมีปัญหาเกี่ยวกับการใช้คีโมเป็นอันมาก เช่น
ประการแรก สิ่งที่เรียกว่าคีโมนั้นก็คือสารพิษชนิดหนึ่งที่มีพิษร้ายแรงมาก ความร้ายแรงนั้นสามารถทำลายหรือหยุดยั้งเชื้อมะเร็งได้ แต่โดยทั่วไปก็จะหยุดชะงักได้ในระยะเวลาหนึ่งๆ เท่านั้น ไม่นานก็จะกลับเป็นมะเร็งขึ้นมาใหม่อีก และถ้าเป็นมาใหม่ก็ยากที่จะรอดจากความตาย นั่นเป็นด้านดีที่ยังไม่รู้ว่าจะมีผลดีแค่ไหนของการใช้คีโม
แต่ด้านร้ายของคีโมประการหนึ่งคือ นอกจากจะทำลายเซลล์มะเร็งแล้ว ยังทำลายเซลล์ดีๆ ของร่างกายทุกส่วนที่เกี่ยวข้องให้อ่อนแอลง หรือกระทั่งสิ้นสภาพไปเลย ดังนั้นในขณะที่เซลล์มะเร็งถูกทำลาย เซลล์ดีก็ถูกทำลายไปด้วย และเมื่อเซลล์ดีถูกทำลายไป ร่างกายก็ยิ่งอ่อนแอลงและยิ่งเป็นช่องทางให้หมดกำลังในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง ซึ่งจำนวนมากก็เสียชีวิตเร็วขึ้นกว่าปกติ
ประการที่สอง ความเป็นพิษของคีโมนั้นรุนแรงมาก ก่อให้เกิดอาการแพ้แก่ผู้ใช้จำนวนมาก บางคนแพ้มากก็ช็อกตายคาเข็มก็มี แพ้น้อยหน่อยก็มีอาการที่ส่งผลกระทบต่อการมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างรุนแรง เรียกว่าทำให้ชีวิตที่เคยเป็นปกติอย่างไรหมดสภาพไปอย่างสิ้นเชิง จากคนที่เดินได้ กินได้ นอนได้ ก็กลายเป็นนอนรอความตายอย่างเดียวก็มีอยู่ไม่น้อย
ประการที่สาม แบบแผนการใช้คีโมนั้นถูกกำหนดไว้แน่นอนว่าต้องฉีดเมื่อนั่น เมื่อนี่ และในจำนวนเท่านั้น เท่านี้ ซึ่งปกติก็ต้องกำหนดให้ผู้ป่วยต้องเข้ารับการฉีดตามกำหนด
บางครั้งก็ขาดการคำนึงว่าผลจากการฉีดคีโมครั้งก่อนร่างกายยังไม่ทันฟื้น กำลังทรุดโทรมอย่างหนักอยู่ ดังนั้นเมื่อต้องฉีดคีโมซ้ำอีกครั้งหนึ่งในขณะที่ร่างกายยังไม่พร้อมก็ถึงแก่ความตายโดยง่าย ซึ่งในประการนี้จะเกิดขึ้นมากโดยเฉพาะหลังการฉีดคีโมครั้งที่สามไปแล้ว
ถึงวันนี้ก็ยังไม่มีหลักประกันอันใดว่ากำหนดเวลาและปริมาณการฉีดคีโมแต่ละครั้งจะมีมาตรฐานในการตรวจสอบความแข็งแรงหรือสภาพต่างๆ ของร่างกายว่าต้องมีมาตรฐานอย่างใดจึงจะฉีดต่อไปได้ ที่เป็นอยู่ก็ฉีดคีโมไปตามกำหนด ซึ่งพอถึงจุดหนึ่งก็ตาย หรือไม่ก็บอกว่าอับจนปัญญาที่จะรักษาต่อไปแล้ว ให้กลับไปนอนรอความตายที่บ้าน อย่างนี้ก็มี
ประการที่สี่ เมื่อฉีดคีโมแล้วก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในเซลล์มะเร็ง มีทั้งทางดีและทางร้าย ทางร้ายก็คือแพร่กระจายขยายตัวเร่งความตายให้มาถึงรวดเร็ว ส่วนทางดีนั้นก็ทำให้เซลล์มะเร็งฝ่อลง ซึ่งอาการฝ่อของเซลล์ที่ดีนี้ก็ยังมีปัญหาตามมาด้วย เพราะเซลล์มะเร็งนั้นเกาะติดอยู่กับเซลล์ดีและต้องการเลือดจำนวนมากเพื่อมาหล่อเลี้ยงมะเร็ง จึงดูดเอาเลือดจากเซลล์ดีเข้ามาเก็บสะสมไว้ในเซลล์มะเร็ง
ครั้นถูกฉีดคีโม เซลล์มะเร็งฝ่อเข้าก้อนมะเร็งก็จะแตก เลือดที่สะสมไว้ก็จะทะลักออกมาทั้งทางปาก ทางจมูก ทั้งลงกระเพาะหรือไปที่ปอด สุดแท้แต่จะเกี่ยวข้องกับอวัยวะใด ซึ่งตรงนี้ก็อันตรายมากเพราะอาจทำให้ผู้ป่วยช็อกเสียชีวิตได้
ก็แลเมื่อคีโมมีพิษแรงกล้า และไม่มีหลักประกันอันใดว่าจะสามารถรักษามะเร็งให้หายขาดได้ ทั้งในระหว่างการฉีดคีโมในแต่ละครั้งหรือระหว่างครั้งก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ แต่ทางการแพทย์ก็ยังรับรองวิธีการรักษาและให้ใช้กับมนุษย์ได้ แล้วไฉนเล่าจึงไม่กล้าเสี่ยงที่จะให้ใช้กัญชาทดลองหรือใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
เพราะไม่ว่าประการใดๆ กัญชาก็มีพิษน้อยกว่าคีโมมาก ระหว่างใช้กัญชาก็ไม่ก่อให้เกิดอาการช็อก หลังใช้ก็ไม่ก่อให้เกิดอันตราย กล่าวได้ว่าไม่มีทางเสียชีวิตจากการใช้กัญชาในการรักษาโรคมะเร็ง ในขณะที่ผลการทดลองจำนวนมากบ่งชี้ว่ากัญชานั้นสามารถใช้ในการเยียวยารักษาบำบัดโรคมะเร็งได้เป็นอย่างดี และมีกรณีจำนวนมากที่หายขาด
อาจมีการแย้งว่าในระหว่างการใช้กัญชาอาจส่งผลกระทบต่อร่างกาย เช่น ทำให้นอนหลับนานขึ้นกว่าปกติ อาจนอนนานถึง 14 ชั่วโมง หรือบางครั้งหัวใจก็เต้นแรง หรือความดันจะลดต่ำลง ซึ่งนี่ก็ต้องยอมรับว่า เป็นผลข้างเคียงหรือผลที่เกิดขึ้นจากการใช้กัญชา
แต่ทว่าผลการทดลองปรากฏว่า สภาพดังกล่าวขึ้นกับปริมาณการใช้ที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ถ้ากำหนดปริมาณที่เหมาะสม ก็ไม่มีผลต่อการนอนมาก แต่จะทำให้การนอนเป็นปกติดีมากขึ้น ความดันก็ไม่ลดต่ำลงเกินไป และหัวใจก็ไม่ได้เต้นแรงจนเกินไป เรียกว่าอยู่ในระดับปกติของคนป่วยก็ว่าได้
ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบระหว่างคีโมกับกัญชาแล้วความเป็นพิษน้อยกว่ากัน ความเสี่ยงต่อชีวิตน้อยกว่ากัน และความหวังผลในการรักษาพยาบาลโรคมะเร็งนั้นกัญชามีมากกว่าคีโม
คงเหลือแต่ผู้กล้าที่จะนำพาต่อความเดือดร้อนของผู้ป่วยและญาติผู้ป่วย ตลอดจนผู้สิ้นหวังทั้งปวงหรือไม่เท่านั้น!
โรคมะเร็ง คือ โรคซึ่งเกิดมีเซลล์ผิดปกติในร่างกาย และเซลล์เหล่านี้มีการเจริญเติบโตรวดเร็วเกินปกติ ร่างกายควบคุมไม่ได้ ดังนั้นเซลล์เหล่านี้จึงเจริญลุกลามและแพร่กระจายได้ทั่วร่างกายส่งผลให้เซลล์ปกติของเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆ เหล่านั้นล้มเหลวไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตในที่สุด ได้แก่ ปอด ตับ สมอง ไต กระดูก และไขกระดูก
มะเร็งโรคร้าย หายขาดได้ ถ้ารักษาถูกวิธี !! การรักษาที่ดีอยู่ที่..ตัวคุณเอง!